top of page
  • Writer's pictureBomOlarn

มุมนี้มีความทรงจำ "MTM & SET"


ทุกครั้งที่มาชกมวย ที่ MTM Academy - Muay Thai ผมมักชอบมองมามุมนี้ เพราะมีความผูกผันหลายมิติ


ด้วยช่วง 10 ปีแรก ของจุดเริ่มต้นในชีวิตการทำงาน ผมทำงานที่ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ที่ตึกก็อยู่ติดกับอาคาร The PARQ แห่งนี้ และหากขึ้นไปมองจากมุมบนของตึก ก็จะเห็นมุมนี้ที่สี่แยกคลองเตยในมุมที่ใกล้เคียงกัน และพื้นที่นี้ในอดีต เราก็ลงทำกิจกรรมสม่ำเสมอในทุกๆ ปี เดินทานข้าวกลางวัน ข้าวเย็น ก็อยู่แถวๆ นี้ละครับ

“10 ปีแรก คือ ช่วงเวลาก่อร่างสร้างพื้นฐานของชีวิต”


ในช่วงชีวิตเริ่มต้น ผมเริ่มต้นจากพนักงานประจำระดับล่างสุดขององค์กร (D1) คือ ระดับในสมัยนั้น ด้วยโครงการที่ HR. ในตลาดหลักทรัพย์ในสมัยนั้น ต้องการหา Young Talent ตามแนวทางของพี่โต้ง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่เป็น ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ในสมัยนั้น และมีขุนพลเก่งๆ มากมาย กระจายอยู่ในทุกบริษัท เช่นพี่เว้ วิเชฐ ตันติวานิช, พี่โก้ รัชพล เหล่าวานิช, พี่หนุ่ย ภัทรียา, พี่ติ๊ก นงราม, พี่ตุ๊ เกษรา, พี่พัช พัชรา, พี่หนิง, พี่จาว โสภาวดี, พี่สันติ กีระนันท์, พี่เล็ก รินใจ, พี่ถิ ถิรพันธุ์, พี่เต๋า นพเก้า, พี่ก็, พี่กอบศักดิ์, อ.กฤษฎา, พี่เพ็ชร ชินบุตร, พี่จิ, พี่เดียร์, พี่ช้าง, พี่ประพันธ์, พี่เก๋, พี่จุ๊บ, พี่เป้, พี่โจ้, พี่มด ฯลฯ


4+1 ผู้จัดการฯ กว่า 10 ฝ่ายงาน 3 บริษัท และรู้จักเกิน 1,000 คน

ช่วง 10 ปีแรกในองค์กร ต้องเรียกว่าเป็นช่วงที่มีความสุข สนุก และทำงานอย่างจรังจังและพัฒนาตนเองเสมอ ผมเริ่มต้นอยากทำงานที่นี่ จากโครงการ Young Talent ที่มีทิศทาง อยากให้เด็กรุ่นใหม่เข้ามา และมีโอกาสในการ Rotations การทำงานในหลายๆ ฝ่าย ในยุคพี่โต้ง กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ (แม้เวลาต่อมาโครงการนี้อาจไม่ได้ขับเคลื่อนต่อหลังจากพี่โต้งออก) และต่อมาสู่ยุคพี่หนุ่ย ภัทรียา เบญจพลชัย, พี่นก จรัมพร โชติกเสถียร และทำงานจนถึงยุคที่ พี่ตุ๊ เกศรา มัญชุศรี เป็นผู้จัดการฯ และพี่ปุย ดร.ภากร ปีตธวัชชัย เป็นรองผู้จัดการ ก่อนจะขึ้นมาเป็นผู้จัดการฯ ที่ยอดเยี่ยม จนถึงยุคปัจจุบัน


ผ่านการทำงานในฐานะพนักงานประจำของ ทั้งบริษัทลูก คือ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท แฟมมิลี่ โนฮาว จำกัด (สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม มันนี่ แชนแนล) และตัว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมกว่า 10 ฝ่ายงาน ตั้งแต่การเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ฯ, Special Activities, Retails Investor, ฯลฯ จนฝ่ายงานสุดท้ายถือสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) มีนาย และหัวหน้างานมานับสิบคน ได้เห็น Style การทำงานที่หลากหลาย ซึ่งได้ปรับเอามาใช้ยามเราเป็นผู้นำคนได้เป็นอย่างดี โดยในยุคนั้นพนักงานตลาดหลักทรัพย์มีราว 1,400 คน (ก่อนลดลงเหลือ 1,000 คนในเวลาต่อมา) ผมรู้จักแบบจำชื่อจริง ชื่อเล่น บริษัทฯ ได้เกิน 1,000 คน เพราะชอบเสนอตัวไปทำงานร่วมกับผู้คนมากมาย


“ทำงานแบบไม่กลัวเหนื่อย บ้าพลัง ไม่เคยคิดว่าทำแล้วต้องได้ผลตอบแทนใดๆ แต่ทำเพราะอยากทำและอยากเรียนรู้”

ด้วยตอนเรียนป.ตรี ผมจบมาด้วยทุนการศึกษาขาดแคลน จากหลายแหล่งทุน ผ่านการทำงานค่าย กิจกรรมในระดับมหาวิทยาลัยมามากมาย ซึ่งปลูกฝังแนวคิดในการตอบแทนสู่สังคมด้วยการลงมือทำ พอมาทำงานในศูนย์กลางตลาดทุนไทย ซึ่งในใจคิดเสมอว่า คือโอกาสอันดีในการตอบแทนประเทศ ด้วยการขับเคลื่อนของคนตัวเล็กๆ ในการเป็นส่วนหนึ่งในฟันเฟืองเล็กๆ ในการสร้างโครงการที่เกิดผลกระทบเชิงบวก ทั้งเชิง Micro และ Macro Economics ร่วมกับพี่ๆ เพื่อนๆ มากมายในทุกระดับ

ทั้งตลาดหลักทรัพย์ในยุคนั้น มีแนวคิดในการศึกษาการดำเนินการอย่างจริงจังเรื่องการแปรรูปตลาดทุน (Demutualize Capital Market) ทำให้เกิดกิจกรรมส่งเสริมความรู้สารพัด เพื่อให้ผู้คนจำนวนมาก เข้าถึง เข้าใจ เพื่อร่วมกันพัฒนาตลอดทุนไทย เช่น การสร้างสถานีโทรทัศน์เพื่อเศรษฐกิจและการลงทุน (Money Channel), การสร้างห้องสมุดมารวย, การจัดงาน SET in The City, SET Awards, Thailand Focus, Click 2 Win, MMA & YRC (Money Management Award & Young Researcher Competition) ก่อนต่อยอดมาเป็น YFS (Young Financial Star Competition), โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม, การเปิดตัวตลาด TFEX (ตลาดอนุพันธ์ฯ), BEX (ตลาดตราสารหนี้ฯ), โครงการหนูจะออมเงินทองของมีค่า, การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนกองทุนรวม (Mutual Fund Youth Cup), การทำละครเวที ละครเพลง ส่งเสริมเรื่องการออม และการลงทุน ทั้งเรื่อง “จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า” และ “หมูอู๊ดอี๊ดกับกระปุกกายสิทธิ์”, การสร้างโครงการ Train the Trainer ในหลากหลายรูปแบบ, TFEX-BEX Walk Rally, สโมสรพนักงานตลาดหลักทรัพย์ (สพต.), โครงการพลัง วตท.ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม, โครงการสานใจไทย สู่ใจใต้, การทำงาน CSR และ Edutainment หลากหลายรูปแบบ, การทำงานร่วมกับผู้คน, สมาคมองค์กร ในทุกระดับ ฯลฯ


10 ปี จากการทำงานประจำ สะสมพลังในการต่อยอดมาจนทุกวันนี้

โครงการมากมายที่กล่าวมา เราล้วนมีโอกาสเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานไม่มากก็น้อย ทั้งจากหน้าที่โดยตรง หรือการอาสาเข้าไปช่วย ตั้งแต่เป็นพนักงานตัวเล็กๆ ผู้ประสานงาน หรือเป็น Project Executive ในการดูแลโครงการในภาพรวม ต่างกันไปตามแต่หน้าที่และบทบาทที่ได้รับ ตามจังหวะและช่วงชีวิต ช่วงเวลานั้นจำได้ว่าทำงานแบบไม่มีเหน็ดเหนื่อย กลับคนสุดท้ายของบริษัทเป็นเรื่องปกติ (แต่เข้างานสายบ้าง ) ทำงานเกิน 12-16 ชม. ต่อวันเป็นเรื่องที่ไม่ได้รู้สึกว่าหนักหนา ตรงกันข้ามกับรู้สึกว่ามีความสุขที่ได้ทำ เพราะตั้งมั่นว่า จะใช้เวลา 10 ปีแรก เก็บสะสมทุกประสบการณ์ให้มากที่สุด และสร้างประโยชน์ให้ทั้งตนเอง และผู้คนให้มากที่สุด โดยตั้งเป้าชัดเจนว่าพอครบ 10 ปีแล้ว จะออกมาทำธุรกิจของตนเอง ซึ่งมา ณ เวลานี้เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วเห็นอย่างชัดเจนว่า พลังและความทุ่มเท ที่เราใส่ลงไปในวันนั้น มันทำให้เรามีประสบการณ์ องค์ความรู้ การสร้าง เชื่อมโยงเครือข่าย การตั้งเป้าหมายใหญ่ หัวใจแห่งการลงมือทำ และกลยุทธ์ที่จะทำมันให้สำเร็จ ได้เห็นทั้งมุมสำเร็จ ล้มเหลว ผิดพลาด แก้ไข รู้จักการประสานความแตกต่าง ขอบคุณ ขอโทษ ยอมรับ ให้อภัย ไปต่อ พัฒนาและทำให้ดีกว่าเดิม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการทำงานทุกสิ่งให้ลุล่วง และวันนี้เราก็ยังมีเรื่องอีกมากต้องพัฒนาจริงๆ


20,000 วันสุดท้าย จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ใน Scale ที่ท้าทายต่อไป

นับจากวันแรกที่ผมเข้าทำงานที่กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนถึงวันนี้ผ่านมาราว 19 ปี หรือราว 7,000 วัน ก้าวย่างต่อไปอีก 20,000 วันที่เหลือ จะใช้มันอย่างคุ้มค่า และยังคงมุ่งมั่นในการสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศ และนานาชาติเสมอ และจะจัดเวลามาบันทึกไว้ เพื่อย้อนกลับมาดู เตือนใจ และก้าวต่อในเวลาที่ผ่านไป ขอขอบคุณ ทุกผู้คน ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หากเจอกัน ทักทายกันได้เสมอ แม้จะจำทุกผู้คนไม่ได้ แต่เชื่อเถอะว่าเรามีความปรารถนาดีให้กันได้เสมอ ตลอดจนผู้คนที่เราจะเจอต่อไปในอนาคต หากมีอะไรที่เราสามารถสร้างประโยชน์ทั้งต่อกันและกัน ต่อสังคม และโลกใบนี้ได้ บอกจากใจว่ายินดีเสมอนะครับ


เป้าหมายใหญ่ ร่างกายต้องไม่ละเลย

การจะทำเรื่องราวต่างๆ ให้ได้ดี ร่างกายที่แข็งแรง และจิตใจที่เข้มแข็ง เป็นเรื่องที่ต้องให้ความใส่ใจไม่แพ้กัน ขอบคุณเสี่ยหมู แห่ง MTM ที่ปลุกไฟในการออกกำลังกาย อาจด้วยจริตเป็นคนบ้าพลัง การต่อยมวย ที่ใช้เวลาน้อย Burn ได้เยอะ มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญและใส่ใจ และพยายามจัดเวลาไปให้ได้สัปดาห์ละ 2-4 ครั้ง ซึ่งเดือนตุลาคมนี้ 9 วันแรก ไปได้ถึง 6 วัน ถือว่าสำเร็จไปด้วยดี และจะพยายามจัดเวลาต่อไป เดี๋ยวสิ้นปีมารายงานผลนะครับ


… เริ่มจากหนึ่งภาพมากความหมาย ปิดท้ายด้วยการมาสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีกันครับ …

บอม โอฬาร วีระนนท์ - CEO and Co-founder, DURIAN - CEO and Co-founder, Yak Green (ยักษ์เขียว)


コメント


bottom of page